ตอนนี้เชื่อว่า ใครหลาย ๆ คนคงต้องเคยทำงาน Work from Home หรือเรียนออนไลน์อยู่บ้านกันทั้งนั้น แล้วเคยได้ยินข่าวนี้มั้ย? ที่ว่า “ติดเชื้อโควิดทั้งครอบครัว”
ถึงแม้คนในครอบครัวที่ติดจะอยู่บ้านตลอดก็ตาม เราเลยจะมาไขข้องสงสัยว่า ทำไมเราอยู่บ้านก็มีความเสี่ยงที่จะติดโควิดได้, แนวทางการป้องกันไม่ให้ติดโควิดแม้จะอยู่บ้าน WFH รวมไปถึงบอกสาเหตุว่าทำไมการทำงานอยู่ที่บ้านถึงช่วยทำให้สถานการณ์โควิดดีขึ้น มาให้ทุกคนดูกัน ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปดูด้วยกันเลย!
ทำไมอยู่บ้านถึงติดโควิดได้?
หลายคนคงตั้งคำถามว่า เราอยู่บ้านไม่ได้ไปพบปะใคร แต่ทำไมยังมีโอกาสติดโควิดอีก? ถึงแม้การ Work From Home นั้นจะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อโควิด แต่ถ้าเราทำพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิดนั้น ก็มีโอกาสทำให้เราสามารถติดโควิดได้ โดยพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 แบ่งได้ดังนี้
1. ออกนอกบ้านไปพื้นที่เสี่ยง
ถึงแม้เราจะอยู่บ้าน ทำงานสไตล์ WFH หรือเรียนออนไลน์ก็ตาม แต่ถ้าเราไปพื้นที่เสี่ยงต่อการติดโควิด หรือทำกิจกรรมสังสรรค์ร่วมกับคนหมู่มาก เช่น การนัดพบปะเพื่อน ปาร์ตี้สังสรรค์ทั้งร้านเหล้า บาร์ หรือร้านหมูกระทะ, การจัดกิจกรรมสัมมนา นิทรรศการ การประชุมต่าง ๆ, งานทำบุญผ้าป่า, งานแต่งงาน ฯลฯ ซึ่งงานที่มีคนเข้าร่วมจำนวนมาก และมีกิจกรรมให้ทำร่วมกัน ย่อมเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิดเป็นธรรมดา เพราะข่าวการพบคลัสเตอร์ติดเชื้อโควิดนั้น ส่วนใหญ่ล้วนมาจากกิจกรรมหมู่มากทั้งนั้น เช่น คลัสเตอร์หมูกระทะ, คลัสเตอร์งานบุญ, คลัสเตอร์งานแต่ง เป็นต้น เพราะงั้นใครที่อยากออกไปข้างนอกก็ลองคิด และตัดสินใจดูว่าสถานที่นั้นเสี่ยงติดโควิด
2. มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เมื่อออกจากบ้าน หรือเวลากลับมาบ้าน
รู้รึเปล่า? ว่าอยู่บ้านเราก็มีโอกาสเสี่ยงติดโควิดได้ เช่น ถ้าใครเป็นสายช้อปปิ้ง ชอบสั่งของออนไลน์ แล้วมีไปรษณีย์มาส่งของที่บ้าน แล้วเราคิดหรอว่าของที่ส่งมาไม่มีเชื้อโควิดติดมาด้วย? โควิดนั้นสามารถอยู่นอกร่างกายของเราได้นานหลายวัน ยิ่งอยู่ในอุณหภูมิต่ำกว่า 4 องศาเซลเซียส (อุณหภูมิตู้เย็น) นั้นอยู่ได้นานถึง 1 เดือนเลยนะ! ถ้าสมมุติเรารับสินค้าที่ไม่รู้ผ่านมาแล้วกี่มือโดยไม่มีการทำความสะอาด ฉีดพ่นฆ่าเชื้อก่อนก็ทำให้เรามีโอกาสเสี่ยงที่จะติดโควิดนั่นเอง ส่วนใครที่ไม่ใช่สายช้อปปิ้งออนไลน์ ก็คงต้องเคยเดินตลาด หรือเดินเซเว่นใกล้บ้าน ก็มีความเสี่ยงไม่ต่างกัน แถมมีความเสี่ยงมากกว่าเดิมตรงที่เราอาจต้องเจอคนมาเบียดซื้อสินค้า หรือใช้บริการ ซึ่งถ้าใครมีพฤติกรรมเสี่ยงหลังจากออกไปข้างนอกอาจมีโอกาสติดเชื้อโควิดได้ โดยแบ่งได้ดังนี้
– สวมหน้ากากอนามัยผิดวิธี หรือไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน
– ไม่ล้างมือทำความสะอาด
– เผลอสัมผัสใบหน้า, ขยี้ตา และแคะจมูก
– ลืมเว้นระยะห่าง 1-2 เมตรเมื่อออกไปข้างนอก
– ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
– กินอาหารที่ปรุงทิ้งไว้นานแล้ว, อาหารดิบ หรืออาหารที่ไม่มีฝาปิดสนิท แล้วอยู่ในบริเวณพื้นที่เสี่ยงคนพลุกพล่าน เช่น ตลาด, ห้างสรรพสินค้า, ร้านอาหาร เป็นต้น
เนื่องจากอาหารเหล่านี้อาจมีการปนเปื้อนของเชื้อโควิดได้
3. มีครอบครัวทำงานสายอาชีพเสี่ยงติดโควิด
จริง ๆ แล้วทุกอาชีพก็มีความเสี่ยงในการติดโควิดกันทั้งนั้น แต่ก็มีกลุ่มอาชีพที่มีความเสี่ยงสูงที่จะติดโควิด โดยแบ่งได้ดังนี้
– กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่ดูแลผู้ป่วยทั้งโดยตรง และโดยอ้อม
– เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลใกล้ชิดประชากรในกลุ่มเสี่ยง เช่น สถานดูแลผู้พิการ ผู้สูงอายุ
– พนักงานที่ให้บริการใกล้ชิดลูกค้า เช่น ร้านเสริมสวย, ร้านพนักงานนวด
– กลุ่มอาชีพที่ทำงานในสถานที่ปิด เช่น สถานบันเทิง, พนักงานร้านอาหาร, สนามมวย หรือสนามกีฬา เป็นต้น
– กลุ่มอาชีพที่ต้องใกล้ชิดผู้คนจำนวนมาก เช่น พนักงานต้อนรับ, วิศวะผู้รับเหมา, คนขับรถประจำทาง, พนักงานในโรงงาน, ตำรวจ ฯลฯ
ซึ่งอาชีพเหล่านี้จะมีโอกาสติดมากกว่าอาชีพอื่น ๆ ใครที่มีครอบครัวทำอาชีพเหล่านี้ ก็ต้องระวังตัว และปฏิบัติตัวป้องกันโควิดอย่างเคร่งครัดกว่าอาชีพอื่น ๆ เช่น รับประทานอาหารห่างไกลกันตามสไตล์ Social Distancing, แยกจาน, ชาม และช้อนส้อมส่วนตัวของตัวเอง, ตักอาหารรอบเดียว เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าการถึงแม้เราจะทำงานแบบ Work From Home ก็มีความเสี่ยงที่จะติดโควิดอยู่เหมือนกัน แต่บางสายอาชีพนั้นก็ยากที่จะทำงานอยู่ที่บ้าน เพราะเป็นอาชีพที่ต้องคอยปฏิสัมพันธ์กับคน อีกทั้งยังมีความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิดมากกว่าอาชีพอื่น ๆ แต่ก็ใช่ว่าเราจะต้องเปลี่ยนสายอาชีพเลยนะ เพราะถ้าเรารู้แนวทางการป้องกันตัวให้ปลอดภัยจากโควิด ก็จะลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 ได้ โดยเราสามารถแบ่งแนวทางการป้องกันตัวเองได้ ดังนี้
วิธีป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากโควิด แม้จะ Work From Home
1. สำรวจ และประเมินอาการของตัวเองทุกวัน
ถึงแม้อาการของโควิดสายพันธุ์ล่าสุดในทุกวันนี้ มักจะพบอาการน้อยกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์ก่อน ๆ ซึ่งบางทีอาการเพียงเล็กน้อยก็อาจเป็นหนึ่งในอาการของโควิดก็ได้นะ เช่น เป็นไข้, ไอจาม, เจ็บคอ ฯลฯ แต่อาการเหล่านี้ก็ใช่ว่าจะเป็นอาการของโควิดเสมอไป เพราะอาจเป็นโรคหวัดธรรมดา โรคประจำถิ่นก็เป็นได้ ถ้าใครไม่แน่ใจในตัวเอง เราอาจจะต้องลองตรวจเชื้อโควิดด้วยวิธี ATK หรือ RT-PCR หรือเราสามารถขอรับการตรวจ และขอคำปรึกษาจากแพทย์ได้อีกด้วย
2. ประพฤติตัวอย่างเคร่งครัด เมื่อออกจากบ้านจนถึงกลับมาบ้าน
ถึงแม้เราจะทำงานอยู่บ้าน แต่บางครั้งเราก็คงต้องออกจากบ้านไปทำธุระข้างนอกอย่างเลี่ยงไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ? เวลาเราออกไปไหนมาไหน เราก็ไม่รู้อยู่แล้วว่า คนที่เราเดินผ่าน หรือนัดเจอนั้นติดโควิดรึเปล่า เพราะงั้นเวลาเราออกไปข้างนอกจะต้องประพฤติตัวอย่างเคร่งครัด เช่น เว้นระยะห่างระหว่างคนอื่น (Social Distancing), หมั่นล้างมือบ่อย ๆ, ไม่เอามือสัมผัสใบหน้า, ใส่แมสให้ถูกวิธี เป็นต้น ซึ่งการประพฤติตัวเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิดนั้น ใช่ว่าเราจะต้องประพฤติแค่อยู่นอกบ้านอย่างเดียว แต่! กลับมาบ้านเราก็ต้องเคร่งด้วย เราคงไม่อยากพาเชื้อโควิดจากนอกบ้านเข้ามาในบ้านกันใช่มั้ยล่ะ? เพราะงั้นเมื่อกลับมาถึงบ้านให้ทำความสะอาดมือก่อนจับลูกบิด, รีบตรงดิ่งไปอาบน้ำก่อนที่จะทำอย่างอื่น เพราะถ้าเรากลับมาบ้านนั่งเล่น ทำกิจกรรมโน่นนี่ก็อาจจะทำให้เชื้อโควิดที่ติดมากับเสื้อผ้าเรา มาสัมผัสกับสิ่งของ เครื่องใช้ภายในบ้าน ที่นำไปสู่ให้คนในบ้านติดโควิดได้นั่นเอง
3. วางแผนเรื่องแนวทางการปฏิบัติตัว เมื่ออยู่บ้านกับครอบครัว
อยู่กันหลาย ๆ คนก็ย่อมมีความเสี่ยงที่จะติดโควิดมากกว่าอยู่กับคนน้อย ๆ เป็นธรรมดา เพราะบางทีคนนี้ต้องไปทำธุระที่โน่นที่นี่ เราจึงควรมีแนวทางปฏิบัติตัว หรือเป็นกฎเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ล้างทำความสะอาดมือทุกครั้งก่อนเข้าบ้าน หรือกิจกรรมต่าง ๆ, เมื่อรับประทานอาหารแบ่งที่ หรือแยกเวลากันกินอาหาร, เว้นระยะห่างระหว่างกันเมื่อทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น ดูหนัง, นั่งคุยกันสัพเพเหระ, ออกกำลังกาย ฯลฯ
4. ทานอาหารปรุงสุก และมีประโยชน์, พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อน และออกกำลังกายให้เพียงพอนั้นจะช่วยเสริมภูมิคุ้มร่างกาย เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งอาหารที่เรากินนอกจากมีประโยชน์แล้ว ควรปรุงสุกด้วย เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับอาหาร แต่บางคนอาจเคยได้ยินนักวิจัย และผู้เชี่ยวชาญออกมาบอกว่า ‘เราสามารถบริโภคอาหารได้อย่างปลอดภัย เพราะโควิดไม่สามารถติดต่อได้จากอาหาร’ แต่ถุงพลาสติกที่ใส่กับถุงกับข้าวเรามาก็ผ่านมือแม่ค้า ไรเดอร์คนส่งข้าวมาก่อน เราก็อาจจะต้องระวังเรื่องนี้กันด้วย ส่วนการออกกำลังกายนั้นมีงานวิจัยออกมาว่า นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ผู้ที่ติดเชื้อโควิดแล้วออกกำลังกายสม่ำเสมอนั้นมีอาการป่วยที่รุนแรงน้อยกว่าผู้ป่วยโควิดที่ไม่ออกกำลังกาย
Work From Home ช่วยทำให้สถานการณ์โควิดดีขึ้นได้อย่างไร?
อย่างที่ทุกคนรู้กันว่า ‘เชื้อโควิด-19 นั้นติดได้ง่าย ส่วนใหญ่จะติดเชื้อโดยการแพร่กระจายผ่านทางฝอยละออง (ไอจาม) เป็นหลัก’ เหมือนกับการติดเชื้อไข้หวัดทั่วไป ยิ่งเป็นโควิดสายพันธุ์ใหม่ ยิ่งพัฒนาให้ตัวเองติด และแพร่กระจายได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ก่อน ๆ เพราะงั้น การทำงานอยู่ที่บ้าน หรือ Work From Home นั้นจะช่วยลดการพบปะกับคน เพราะเราแยกกันทำงาน แยกกันอยู่ ถ้ามีใครในที่ทำงานติดเชื้อ คนอื่นที่ทำงานร่วมก็ไม่มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ ต่างจากการมาทำงานที่ออฟฟิศที่มีการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ลดการพูดคุย เลี่ยงการพบปะใกล้ชิด แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิดนั่นเอง
เราจะเห็นได้ว่า ตอนนี้โควิดนั้นเราสามารถพบเจอได้ทุกหนแห่ง ถึงแม้เราจะทำงานอยู่บ้านก็ตาม เพราะงั้นถ้าเราอยากเพิ่มความปลอดภัย และสร้างความมั่นใจ We Clean VR มีบริการพ่นฆ่าเชื้อ และทำความสะอาดได้ทุกที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทั้ง คอนโด สถานที่พักอาศัย และสำนักงาน ฯลฯ ด้วยน้ำยาอิเล็กโทรไลต์ SteriPlant ที่เป็นนวัตกรรมจากสวิตเซอร์แลนด์ มีคุณภาพ และความปลอดภัยระดับ Food Grade รวมถึงปลอดภัยต่อร่างกาย และสิ่งแวดล้อมด้วย
หากอยากอ่านบทความดี ๆ เกี่ยวข้องกับสถานการณ์โควิดแบบนี้อีก ก็สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ Link
ติดต่อสอบถาม
: 099 165 4462
Line@ : @wecleanvr (มี @ข้างหน้าด้วย)
Source: Adecco. Bangkokbiznews. Resourcecenterthaihealth. Thestandard