ขนส่งสาธารณะปลอดโควิด-19 : เมื่อคำว่า “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ใช้ไม่ได้กับทุกคน เพราะแต่ละคนก็มีภาระหน้าที่ในการเดินทางออกจากบ้านที่แตกต่างกัน แม้จะอยากหยุดเชื้อ แต่ชีวิตยังต้องดำเนินต่อ และก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถใช้รถส่วนตัวเดินทางไปไหนมาไหนได้ การใช้ขนส่งสาธารณะจึงเป็นเพียงตัวเลือกเดียว และตัวเลือกเดิม ที่ไม่ว่าจะสถานการณ์ใด เราก็ยังจำเป็นต้องใช้บริการขนส่งสาธารณะเพื่อเดินทางอยู่เสมอ

และในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เช่นนี้ การเดินทางทุกครั้ง ก็เรียกได้ว่าเป็น เรือ รถเมล์ รถไฟ รถสองแถว สายลุ้นดวง ที่เราไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าผู้โดยสารรอบตัว คนข้าง ๆ คนที่ยืนโหนราว กระเป๋ารถเมล์ หรือคนขับ ใครจะได้รับเชื้อโควิด-19 มา แล้วแพร่กระจายส่งต่อไปยังผู้อื่น ๆ เพราะต่อให้เราปลอดเชื้อ แต่ถ้าคนใกล้ชิดติดเชื้อ เราก็มีสิทธิ์ติดเชื้อได้เช่นเดียวกัน และที่แย่กว่านั้น เราอาจจะเป็นผู้ที่นำเชื้อไปแพร่กระจายสู่คนในบ้านได้อีกด้วย

วันนี้เราเลยจะมาแนะนำ 10 วิธี ใช้ขนส่งสาธารณะอย่างไร ไม่ให้เชื้อตามกลับบ้าน #ฉบับต้องทำ เพื่อความปลอดภัยของทุกคน!

–สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง 

ในช่วงเวลานี้ คงไม่มีใครที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยในเวลาที่ออกนอกบ้าน เพราะเมื่อไหร่ที่ไม่มีหน้ากากอนามัย เราก็จะกลายเป็นตัวอันตรายของสังคมทันที เพราะหน้ากากอนามัยมีหน้าที่ปกป้องผู้สวมใส่ให้ปลอดภัยจากการสัมผัสละอองฝอยของน้ำมูกน้ำลาย ซึ่งอาจมีเชื้อ และเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยที่สวมใส่แพร่เชื้อออกไป ดังนั้น การมีหน้ากากอนามัยที่เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น

นอกจากนี้ ในระหว่างที่ใส่หน้ากากอนามัยอยู่นอกบ้าน เราก็ไม่ควรดึงหน้ากากอนามัยลงมาไว้ใต้คาง หรือถอดออกในบริเวณที่มีคนพลุกพล่าน และเมื่อจำเป็นต้องถอดหน้ากากอนามัยก็ต้องเก็บอย่างดี เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19

–หมั่นวัดอุณหภูมิร่างกายตนเองเสมอ

การวัดอุณหภูมิร่างกาย ถือเป็นวิธีเบื้องต้น ที่ช่วยในการประเมินร่างกายของทุกคนว่า มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ โดยทั่วไป อุณหภูมิเฉลี่ยของร่างกายมนุษย์ปกติ จะอยู่ระหว่าง 36.5 – 37.5 องศาเซลเซียส หรือ 97.7 – 99.5 องศาฟาเรนไฮต์   หากคนเรามีอุณหภูมิสูงเกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป (หรือสูงกว่า 99.5 องศาฟาเรนไฮต์) แสดงว่า มีไข้ ไม่สบาย ซึ่งจะสามารถประเมินเบื้องต้นว่าอาจจะเข้าข่ายการติดเชื้อโควิด -19 ต้องกันตัวเอง ไม่ให้ใกล้ชิดผู้ใด และประเมินอาการเสี่ยงอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บคอ การไอ การมีน้ำมูก ตลอดจนปวดเมื่อยตามร่างกาย

–เว้นระยะห่างทางสังคม

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า แม้บริเวณยืนรอรถ หรือนั่งรอเครื่องบิน จะมีการเว้นระยะห่างระหว่างที่นั่งหรือระหว่างทางเดินมากแค่ไหน แต่เมื่อต้องเข้าไปรวมอยู่บนขนส่งสาธารณะแล้ว เราก็ยังต้องพบกับความแออัด การเบียดเสียดหรือการนั่งใกล้กันในระยะประชิด และถือเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่ว่ายังไงก็ยังต้องเดินทางด้วยวิธีเหล่านี้ หรือถ้ามีขนส่งสาธารณะที่สามารถพอเว้นระยะห่างได้ อาจจะเป็นรถไฟฟ้า ที่มีการจัดวางเก้าอี้แบบตัวเว้นตัว หากเก้าอี้ไม่เพียงพอ เราก็ควรใช้วิธียืนห่าง ๆ ผู้คนแทน

ซึ่งการเว้นระยะห่างทางสังคม 2 เมตร เทียบได้กับระยะประมาณ 3 ก้าว จะมีระยะห่างพอที่จะวางเตียง 1 หลัง หรือรถเข็นซื้อของ 2 คันไว้ระหว่างตนเองและผู้อื่น และบนรถโดยสารสาธารณะ ก็ควรเว้นระยะห่างทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ในกรณีที่สามารถขยับที่หรือมีที่ว่างเพียงพอในการย้ายที่นั่ง

–เช็ดและล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์หรือสบู่ตลอดเวลา

เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการสัมผัสบนพื้นผิวต่าง ๆ ได้ในขนส่งสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น เก้าอี้ ราวโหน ประตู พนักพิง ที่วางแขน ซึ่งตามพื้นผิวต่าง ๆ ที่เราไปสัมผัส ถึงแม้จะมีการทำความสะอาดไปแล้ว แต่ในบางบริเวณก็อาจจะมีเชื้อไวรัสหลงเหลืออยู่ โดยเฉพาะเชื้อที่ลอยมาตามอากาศเป็นละอองและตกลงบนพื้นผิวของสิ่งของนั้น ๆ เมื่อมือของเราไปโดนแล้วเผลอมาสัมผัสบริเวณใบหน้า เช่น การสั่งหรือแคะจมูก การขยี้ตา การเช็ดปาก หรือจะเป็นการหยิบอาหารโดยใช้มือเปล่า เชื้อไวรัสก็จะเข้าสู่ร่างกายได้ทันที 

การล้างมือจึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะสามารถทำลายเชื้อโรคที่มือเราอาจไปสัมผัสมาได้ ไม่ว่าจะเป็นโควิด-19 หรือแม้แต่เชื้อโรคอื่น ๆ หากเราล้างมือก็จะทำให้ปลอดเชื้อโรคและสร้างความสบายใจให้กับตัวเรา เราจึงควรพกเจลแอลกอฮอล์ติดตัวไว้เสมอ หรือหากไม่มีเจลแอลกอฮอล์ เมื่อมีโอกาสที่สามารถเข้าห้องน้ำได้ ก็ควรใช้สบู่ล้างมือ โดยใช้เวลาล้างมือประมาณ 20 วินาที ในการทำความสะอาดมือที่เพียงพอ 

–หลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีคนโดยสารจำนวนมาก

สำหรับใครที่พอมีเวลา หรือไม่ได้จำเป็นต้องเดินทางในระยะเวลากระชั้นชิด แบบที่ต้องรีบถึงที่หมายโดยเร็ว ก็ควรเลี่ยงการเดินทางในชั่วโมงเร่งด่วน เพราะจะมีการโดยสารที่แออัด มีจำนวนผู้คนบนขนส่งสาธารณะจำนวนมาก ทำให้เราไม่สามารถเว้นระยะห่างกับผู้ใดได้ จนต้องอยู่ในลักษณะเบียดเสียดกัน  ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะมาจากการไอ หรือจาม ส่งผลให้เชื้อไวรัสสามารถลอยในอากาศได้

–งดรับประทานอาหารเครื่องดื่มระหว่างเดินทาง

ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ เครื่องบิน หรือรถบัสต่าง ๆ ที่โดยปกติจะมีการเสิร์ฟอาหารเครื่องดื่มในระหว่างเดินทาง เนื่องด้วยระยะเวลาเดินทางที่ยาวนาน อาจทำให้ผู้โดยสารบางคนเกิดความหิว แต่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แค่ถอดหน้ากากอนามัยเพียงชั่วครู่ก็อันตราย และถือเป็นการแพร่เชื้อให้กับผู้อื่น พร้อมกับเป็นการรับเชื้อจากผู้อื่นเข้าสู่ร่างกายได้อย่างง่ายดายอีกด้วย 

–หากผู้โดยสารคนอื่นไอหรือจามควรหันไปทางอื่น 

จากสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ที่สามารถแพร่เชื้อกระจายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้โรคติดต่อทางเดินหายใจระบาดได้ง่ายโดยแพร่เชื้อผ่านละอองน้ำมูก น้ำลายเวลาไอหรือจาม หากคนข้าง ๆ ไอหรือจามในขณะที่เราอยู่ใกล้ ๆ เราควรหันหน้าไปทางอื่น หรือไม่ก็ควรหาอะไรมาบังหน้าของเราไว้ แม้จะใส่หน้ากากอนามัย แต่เพื่อความปลอดภัยเราก็ควรจะทำวิธีนี้จะสามารถลดความเสี่ยงการติดเชื้อทั้งตัวเองและผู้อื่น เพิ่มความปลอดภัยทางสังคมได้อีกด้วย 

–งดพูดคุยสื่อสารกันระหว่างเดินทาง

ทุกครั้งที่เราอ้าปาก ก็เท่ากับเราเสี่ยงรับเชื้อและแพร่เชื้อให้กับผู้อื่นได้ในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยสื่อสารกันบนเครื่องบิน รถไฟ หรือรถไฟฟ้า ที่มีจำนวนผู้โดยสารจำนวนมาก และที่สำคัญคือไม่มีอากาศถ่ายเท หากมีเชื้อล่องลอยอยู่ในอากาศ เราก็มีสิทธิ์รับเชื้อนั้นได้ 

นอกจากนี้ รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ดูเหมือนจะปลอดภัย มีอากาศถ่ายเท แต่เราก็ยังนั่งใกล้ชิดกัน และหากมีการพูดคุยกัน ก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับเชื้อมาได้ หากเป็นไปได้เราก็ควรพกหมวกกันน็อกส่วนตัวไปเอง หรือใช้หมวกคลุมผมสวมศีรษะก่อนสวมทับด้วยหมวกนิรภัย เว้นระยะห่าง ลดการสัมผัสกับผู้ขับขี่และราวจับ  ถ้าเป็นผู้หญิงแนะนำให้นั่งหันข้าง และควรเตรียมเงินให้พอดี เพื่อลดการสัมผัสเงินทอน

–ทำความสะอาดร่างกาย เสื้อผ้า เมื่อกลับถึงที่บ้าน

การสวมเสื้อผ้าซ้ำ หรือไปอยู่ในขนส่งสาธารณะที่มีคนหนาแน่น แออัด หรือพื้นที่ปิด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ทำให้มีโอกาสที่เชื้อโควิด-19 จะเกาะติดอยู่ตามพื้นผิวเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับได้ โดยเชื้อโควิด-19 สามารถอยู่บนผ้าได้นานถึง 24 ชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ประเภทของพื้นผิว อุณหภูมิ และความชื้นสัมพัทธ์ เป็นต้น

ดังนั้น เมื่อกลับถึงบ้านจึงควรอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่โดยทันที ส่วนเสื้อผ้าที่ใช้แล้วให้ซักทำความสะอาด เนื่องจากเชื้อโควิด-19 จะมีกระเปาะหุ้มตัวเอง การซักผ้าด้วยผงซักฟอกจะไปทำลายกระเปาะหุ้มตัวนี้ได้ เมื่อไม่มีกระเปาะหุ้มตัวเชื้อโควิด-19 ก็จะตาย ดังนั้น เชื้อโควิด-19 ที่เกาะตามเสื้อผ้าสามารถทำความสะอาดได้โดยใช้ผงซักฟอก เช่นเดียวกันกับการล้างมือที่ใช้เพียงสบู่ธรรมดาก็กำจัดเชื้อไวรัสบนมือได้

–ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะสามารถลดการแพร่ระบาด ลดความรุนแรงของอาการ และลดการเสียชีวิตได้ ดังนั้น วัคซีนจึงถือเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยควบคุมการระบาดของโรค และช่วยปกป้องให้ผู้คนปลอดภัยจากโรคนี้ได้ โดยวัคซีนจะมีประสิทธิภาพในการเพิ่มภูมิคุ้มกัน และช่วยกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัส พร้อมลดอัตราการรับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ๆ สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ การฉีดวัคซีนเป็นการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับสังคม ลดการติดเชื้อ โอกาสป่วยเป็นโรคน้อยลง และช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อได้ 

เพราะเราไม่สามารถเลี่ยงการเดินทางด้วย ”ขนส่งสาธารณะ”ในชีวิตประจำวันได้  เราจึงต้องใช้ ขนส่งสาธารณะปลอดโควิด-19 ที่สุด การดูแลตัวเองจึงเป็นสิ่งเดียวที่จะสามารถช่วยให้เราพ้นจากเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อความปลอดภัยและเพื่อความสบายใจของคนในบ้าน ว่าเราจะไม่แพร่เชื้อให้กับคนอื่น ๆ เราจึงต้องมั่นใจในการดูแลตัวเองและทำความสะอาดบ้านและสถานที่ต่าง ๆ อยู่เสมอ ด้วยบริการพ่นฆ่าเชื้อของ We Clean VR ที่ฆ่าเชื้อ และ ทำความสะอาดได้ทุกที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทั้งคอนโด บ้าน และสถานที่ทำงาน ฯลฯ ด้วยน้ำยาอิเล็กโทรไลต์ SteriPlant ที่เป็นนวัตกรรมจากสวิตเซอร์แลนด์ มีคุณภาพ และความปลอดภัยระดับ Food Grade รวมถึงปลอดภัยต่อร่างกาย และสิ่งแวดล้อมด้วย

หากอยากอ่านบทความดี ๆ เกี่ยวข้องกับสถานการณ์โควิดแบบนี้อีก ก็สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ Link

ติดต่อสอบถาม

FB : m.me/wecleanvr

Line@ : @wecleanvr (มี @ข้างหน้าด้วย)

Source : travel.trueid, samitivejhospitals, lamphunhealth