เปิดประเทศกันมาได้สักพักแล้ว.. หลาย ๆ คนก็เริ่มเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ อยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ มากมาย เห็นการท่องเที่ยวในประเทศไทยเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง มาตรการป้องกันโควิดต่าง ๆ ก็เริ่มมีการปรับเปลี่ยนมาตรการเพื่อให้สอดคล้องกับการท่องเที่ยวและการใช้ชีวิตมากขึ้นในหลายจังหวัดนำร่องที่เป็นจังหวัดท่องเที่ยว ลดการเคอร์ฟิว โดยสามารถเดินทางออกนอกบ้านได้ตลอด 24 ชั่วโมง ถือเป็นการคลายล็อกครั้งสำคัญของจังหวัดท่องเที่ยว แต่ทั้งนี้ในบางพื้นที่ก็ยังคงมีมาตรการเข้มงวดเช่นเดิม เพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19 อีกครั้ง
นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยครั้งนี้ จะต้องได้รับวัคซีนครบ 2 โดส แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบโดส เมื่อเดินทางถึงไทยก็จะต้องเข้าสู่การกักกันโรคในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ และจะต้องเตรียมเอกสารและปฏิบัติตามเงื่อนไข ทั้งเอกสารรับรองการรับวัคซีนครบ 2 เข็ม มีผลการตรวจเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ก่อนเดินทางไม่เกิน 72 ชม.เมื่อเดินทางมาถึงจะต้องตรวจหาเชื้อซ้ำโดยทันที และเมื่อผลเป็นลบถึงจะเดินทางต่อไปยังพื้นที่อื่นได้ พร้อมกับต้องทำประกันสุขภาพอย่างน้อย 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ และมีใบจองที่พักด้วย
และสำหรับคนไทยอย่างเรา ก็ยังต้องยึดหลักการเดิม คือ การตั้งการ์ดไว้สูง ๆ ยิ่งสูงเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่าเปิดประเทศครั้งนี้ แม้ยอดผู้ติดเชื้อจะลดลง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย และที่แย่กว่านั้นคือ หลายจังหวัด ยังมียอดเพิ่มขึ้นไม่หยุด ดังนั้น ถ้าเราอยากจะรอดไปสู่ซีซั่นต่อไปได้ ก็ต้องยึดมาตรการเข้มข้น เพื่อยึดถือให้ได้ปฏิบัติกัน
พร้อมหรือไม่พร้อมก็ต้องรู้ กับมาตรการรับมือ ‘เปิดประเทศ’ ให้รอดสู่ซีซั่นต่อไป ท่องให้ขึ้นใจไว้เลย ‘อย่า หยุด ทำ’
- ‘อย่า’ ลืมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19
ใกล้ครบครึ่งหนึ่งของประชากรในประเทศกับยอดผู้ฉีดวัคซีนทั้ง 1 โดสและ 2 โดส แม้วัคซีนของแต่ละคนจะเป็นวัคซีนต่างยี่ห้อกัน คุณภาพแตกต่างกัน แต่การฉีดวัคซีนไม่ว่ายี่ห้อใดก็ตาม ก็ยังถือว่ามีส่วนช่วยลดความรุนแรงของอาการโควิด-19 ลงได้ ใครที่กำลังรอคิววัคซีนทางเลือกอยู่ ก็ดูเหมือนจะใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว หรือสำหรับใครที่มีคิวฉีดวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรจากทางภาครัฐ ก็ควรไปฉีดตามคิวที่ได้รับการจองไว้ อย่าลืมเด็ดขาด! ยิ่งเปิดประเทศแบบนี้ การมีวัคซีนไว้ในร่างกายก็ยังถือว่ามีความปลอดภัยอยู่บ้างนะ
- ‘อย่า’ เข้าใกล้จุดพื้นที่เสี่ยง
แต่ละพื้นที่ จะมีการประกาศเกี่ยวกับความเสี่ยงของพื้นที่นั้น ๆ เสมอเมื่อมีคนติดเชื้อในพื้นที่ หากเราสามารถเลี่ยงได้ ก็ควรจะหลีกเลี่ยง เช่น ห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ตลาดสด ตลาดนัด สถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานประกอบการ/โรงงานต่าง ๆ แม้บางคนจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงพื้นที่เหล่านี้ได้เต็มที่ 100% แต่ทุกครั้งที่จำเป็นต้องเข้าก็ขอให้รักษามาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
- ‘อย่า’ ลืมตรวจ ATK/RT-PCR หากมีอาการเสี่ยง
ทุกครั้งที่มีอาการไข้ ไอ อ่อนเพลีย สูญเสียความสามารถในการดมกลิ่นและรับรส ก็ขอให้พึงระลึกไว้เลยว่า เราอาจเสี่ยงได้รับเชื้อโควิด-19 เข้าแล้ว ดังนั้นหากเมื่อไหร่ที่มีอาการ รู้สึกไม่สบาย ก็ต้องรีบไปตรวจหาเชื้อทันที โดยเบื้องต้นอาจจะใช้การตรวจ ATK (Antigen Test Kit) และหากไม่มั่นใจ ก็ต้องทำการตรวจ RT-PCR อีกครึ่งหนึ่ง บางครั้งไข้ที่เป็นอยู่อาจไม่ใช่เพียงอาการไข้หวัดธรรมดา ต้องหมั่นสังเกตอาการของตัวเอง ก่อนจะนำเชื้อที่เราไม่มั่นใจ ไปแพร่สู่บุคคลอื่น
- ‘หยุด’ ออกนอกบ้านโดยไม่สวมแมสก์
กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์ทั่วโลกไปแล้วตอนนี้ กับหน้ากากอนามัยหรือแมสก์ ที่เราเรียกกัน เพราะต้องสวมทุกครั้งที่ออกจากบ้าน หรือบางครอบครัวก็สวมแมสก์ป้องกันการแพร่เชื้อให้คนในครอบครัวในบ้านเลย การสวมแมสก์นอกจากช่วยให้ป้องกันผู้สวมใส่ให้ปลอดภัยจากการสัมผัสละอองฝอยของน้ำมูกน้ำลายซึ่งอาจมีเชื้อแล้ว ก็ยังช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยที่สวมใส่แพร่เชื้อออกไป แต่ทั้งนี้ก็ต้องสวมใส่แมสก์กันให้ถูกวิธีด้วยนะ
- ‘หยุด’ สัมผัสอะไรต่าง ๆ แล้วไม่ล้างมือ
มือสองมือ หยิบนู่นจับนี่ จะอันตรายได้ยังไง เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่มือ แต่ปัญหาอยู่ที่พอสัมผัสแล้ว เราดันเอามือมาแตะหน้า แตะตา หยิบอาหารเข้าปาก เชื้อโรคที่ติดไปกับมือ ก็กลายเป็นเข้าสู่ร่างกายของเราได้ง่าย ๆ เลย เพราะ ‘มือ’ ถือเป็นตัวกลางสำคัญในการแพร่เชื้อจากผู้ป่วยไปยังผู้อื่นได้โดยตรงเลยนะ
- ‘หยุด’ ใกล้ชิดผู้คน รักษาระยะห่างเข้าไว้
ยิ่งใกล้..ยิ่งน่ากลัว เพราะยิ่งใกล้เท่าไหร่ การแพร่เชื้อหากันยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น แค่พูด แค่จาม เชื้อก็สามารถแพร่กระจายไปสู่กันได้ ถ้าจะให้ปลอดภัยหายห่วงเลยแบบ Personal distancing ก็ควรรักษาระยะห่างกันให้ได้ 2 เมตร หรือ 6 ฟุต เพื่อหลีกเลี่ยงการติดต่อของโรค หรืออย่างน้อย 1 เมตร ใครเดินมาใกล้ให้หลีก ให้ถอย เผลอเดินไปใกล้ใคร ก็ให้ระวังตัวเองเอาไว้เลย
- ‘ทำ’ ใจ ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น
แม้จะเป็นการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้ามา แต่คนในประเทศถ้าไม่จำเป็น ก็อย่าเพิ่งเดินทางออกไปไหนเลย เพราะประเทศของเรา ยอดผู้ติดเชื้อยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นอยู่เสมอ เราไม่สามารถรู้ได้ว่าจุดไหน หรือพื้นที่ใดมีเชื้อโควิด-19 อยู่หรือเปล่า ดังนั้นการอยู่บ้าน ยังเป็นพื้นที่เดียวที่ยังปลอดภัยที่สุดในช่วงเวลานี้ หากไม่จำเป็นต้องออกไปข้างนอก ก็ให้อยู่ที่บ้าน รักษาสุขภาพตัวเอง ก่อนไปเผชิญกับเชื้อโรคนอกบ้านนะ
- ‘ทำ’ ความสะอาดบ้าน ที่ทำงาน ให้ปลอดเชื้อ
สถานที่ต่าง ๆ ที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่เป็นระยะเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือที่ทำงาน เราก็ต้องหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ เราจึงควรใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับฆ่าเชื้อโรค We Clean VR เราให้บริการฉีดพ่นกำจัดเชื้อโรคด้วย น้ำอิเล็กโทรไลต์ SteriPlant นวัตกรรมจากสวิตเซอร์แลนด์ที่จะช่วยคุณกำจัดเชื้อโรค ไวรัส และแบคทีเรีย เปลี่ยนสถานที่ที่คุณอยู่ ให้สะอาด ปลอดเชื้อโรคได้ 99.9% โดยเรารับบริการฉีดพ่นกำจัดเชื้อโรคตามสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านทำผม รัฐวิสาหกิจ บริษัท โรงเรียน โชว์รูม สถานที่อื่น ๆ ครอบคลุมทุกสถานที่ทุกคนไป ให้ทุกคนมั่นใจ ไม่ว่าที่ไหนก็ปลอดภัยจากเชื้อโรค
- ‘ทำ’ ทุกอย่างให้สม่ำเสมอ จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
แม้ใครจะบอกว่าสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ตราบใดที่ยอดผู้ติดเชื้อไม่เป็น 0 คน ก็จะต้องใช้ชีวิตแบบ New Normal กันต่อไป ทั้ง 8 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น ก็ยังคงต้องปฏิบัติกันอยู่เสมอ ไม่หลง ไม่ลืม ไม่ละเลย ไม่เผลอคิดว่าสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว เลยไม่ป้องกันตัวเอง แบบนี้ต้องหยุดคิดเด็ดขาดเลยนะ เพราะต้องทำให้เป็นนิสัย ห้ามหลง ห้ามลืม
เราก็ได้แต่หวังว่าการเปิดประเทศครั้งนี้ จะเป็นการเปิดประเทศอย่างถาวร ไม่มีการล็อกดาวน์ หรือต้องมาคลายล็อกกันอีกครั้ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการป้องกันตัวเอง การใช้ชีวิตร่วมอยู่กับโควิดอย่างระมัดระวัง และการจัดการของภาครัฐ We Clean VR เราพร้อมให้บริการในทุกสถานการณ์ หากอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมดี ๆ เกี่ยวกับการป้องกันตัวเองในช่วงสถานการณ์โควิดแบบนี้ ก็สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ >> LINK
ติดต่อสอบถาม
FB : https://www.facebook.com/wecleanvr
Line@ : @wecleanvr ( มี @ ข้างหน้าด้วย )
Source : prodisinfectionservices