สูงวัยปลอดภัย ! ดูแลผู้สูงอายุ ยังไงในช่วงสถานการณ์โควิด -19

รู้หรือไม่? ว่าผู้สูงอายุนั้นมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าวัยอื่นถึง 30 เท่าเลยนะ! (อ้างอิงจากนพ.สกานต์ บุนนาค) รวมถึงตอนนี้ยังมีข่าวของ ศธ.ยังออกมาบอกว่า ข้อมูลของผู้เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ผู้เสียชีวิตทั้งหมด 18 รายล้วนแล้วแต่เป็นคนสูงวัยทั้งหมด 

ฟังอย่างนี้คงเริ่มกังวลกันแล้วสินะว่า เราควร ดูแลผู้สูงอายุ อย่างไร? เพราะโอไมครอนนั้นเป็นเชื้อโควิดสายพันธุ์ที่ติดง่าย แพร่ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ  แถมที่บ้านเราก็มีผู้สูงอายุอีก แต่! ไม่ต้องกังวลไป เราจะมาแนะนำแนวทางการ ดูแลผู้สูงอายุ ในช่วงโควิดว่าควรทำอย่างไร? ถึงจะปลอดภัยหายห่วงได้มากที่สุด ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันได้เลย

วิธีป้องกันไม่ให้เชื้อโควิด-19 แพร่ไปยังผู้สูงอายุ

เราคงไม่อยากให้เป็นเหมือนข่าวที่ว่า หลาน หรือเด็กวัยรุ่น ลูกติดโควิดแล้วแพร่เชื้อไปยังผู้สูงวัย จนบางคนต้องรักษาแล้วกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงจริงไหม? เพราะงั้นเราจะมาบอกแนวทางที่คนในครอบครัว หรือผู้ดูแล และตัวผู้สูงอายุเองควรปฏิบัติมาให้ดูกัน

– ห้ามไม่ให้ผู้ที่เข้าข่ายมีความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิดพบปะใกล้ชิดกับผู้สูงอายุ เช่น มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19, ผู้ที่เคยเดินทางไปในสถานที่เสี่ยงโควิด หรือผู้ที่มีอาการป่วยเข้าข่ายของอาการโควิด-19 เช่น มีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว ไอ มีเสมหะ สูญเสียประสาทสัมผัส ซึ่งอาการของโควิดแต่ละสายพันธุ์ และสภาพร่างกายของแต่ละคนแตกต่างกัน ทำให้ในแต่ละคนแสดงอาการโควิดไม่เหมือนกัน ซึ่งใครที่มีอาการนั้นควรสังเกตอาการของตัวเองอย่างน้อย 14 วัน

– หมั่นทำความสะอาดบ้าน จุดที่มีการสัมผัสเป็นประจำ

ในบ้านเราย่อมมีจุดที่สัมผัสบ่อยอยู่เสมอ ใครที่นึกไม่ออกลองคิดตามกับเรา ตั้งแต่เราเข้ามาบ้านอย่างแรกเลยคงไม่พ้นการเปิดลูกบิดประตู และกุญแจบ้านที่เราพกมาแน่ ๆ ต่อมาก็คงไม่พ้นพวกสวิตช์ไฟ รีโมทอุปกรณ์ไฟฟ้า ฯลฯ ใครที่อยากรู้เพิ่มเติมว่ามีอะไรอีกบ้าง ก็ไปตามอ่านต่อได้เลยกับ 9 แหล่งสะสมเชื้อโรคภายในบ้านที่เราคาดไม่ถึง ซึ่งสิ่งของเหล่านี้แหละ เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่เราควรระวังกัน เพราะโควิดนั้นสามารถอยู่บนพื้นผิวสิ่งของได้นานสุด 5 วันเลยนะ เพราะงั้นเราควรหมั่นทำความสะอาดสิ่งของต่าง ๆ อยู่สม่ำเสมอล่ะ!

– ล้างทำความสะอาดมือบ่อย ๆ ฟอกสบู่อย่างน้อย 20 วินาที และงดใช้มือสัมผัสใบหน้า

“มือ” ของเราในแต่ละวันนั้นย่อมสัมผัสสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเมาส์ คีย์บอร์ด ลูกบิด รีโมท ฯลฯ ซึ่งสิ่งของเหล่านี้ย่อมมีเชื้อโรคอยู่แล้ว แต่มีมากน้อยต่างกันออกไปทำให้มือของเรานี่แหละเป็นที่สะสมเชื้อโรค และสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายที่สุดจากการสัมผัส เราจึงไม่ควรนำมือมาสัมผัสใบหน้าหากยังไม่ได้ทำความสะอาด โดยทางที่ดีที่สุดควรเลี่ยงไปเลย เพื่อให้ติดเป็นนิสัยนั่นเอง

– สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกจากบ้าน เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า เราจะอยู่แต่ในบ้านตลอดเวลาทั้งวัน ทั้งเดือน เต็มที่มากสุดก็อาจจะเป็นอาทิดย์ ยิ่งถ้าอยู่คนเดียวยิ่งแล้วใหญ่ เพราะเราต้องออกมาทิ้งขยะ ซื้อข้าว ซื้อของใช้ส่วนตัว ฯลฯ เพราะงั้นเราควรป้องกันตัวเองโดยการสวมใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีทุกครั้ง และเลือกใช้หน้ากากที่มีคุณภาพในการป้องกันเชื้อ และการแพร่เชื้อโควิดหากเราป่วยนั่นเอง

– หลีกเลี่ยงการไปพื้นที่แออัด และออกจากบ้านเมื่อจำเป็น เช่น การเลี่ยงใช้ขนส่งสาธารณะ และพื้นที่แออัดถือว่าเป็นแหล่งแพร่เชื้ออย่างดี ทุกคนคงเคยเห็นข่าวคลัสเตอร์ของที่โน่นที่นี่กันใช่ไหมล่ะ? ส่วนใหญ่คลัสเตอร์ติดเชื้อก็มักมาจากสถานที่แออัด หรือคนร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นงานทำบุญ, ไปเที่ยวสถานบันเทิง รวมไปถึงการไปร้านอาหาร ร้านบุฟเฟต์ ฯลฯ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ เราก็ต้องเว้นระยะห่างประมาณ 2 เมตรตามสไตล์การใช้ชีวิตแบบ New Normal แทน และเมื่อกลับบ้านมาทุกครั้งให้รีบอาบน้ำ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วนำเสื้อผ้าที่ใส่แยกไว้ในจุดที่เหมาะสม

– งดทำกิจกรรมใกล้ชิดร่วมกับผู้สูงอายุ ใครที่เป็นสายชอบหากิจกรรมโน่นนี่ทำ ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง นั่งล้อมวงบนโต๊ะอาหารคงต้องเลี่ยงไปก่อน หรือกรณีเลี่ยงไม่ได้ ให้ใส่หน้ากากอนามัยให้ถูกวิธี พร้อม Social Distincing เพื่อเว้นระยะห่างกันไปก่อน ส่วนใครที่ชอบแสดงความรักอย่างใกล้ชิด อย่างการกอด หรือการหอม ก็ควรงดไปก่อน

แนวทางดูแลสุขภาพผู้สูงอายุให้ห่างไกลจากโควิด

ช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิดมาร่วมกว่า 2 ปี ใคร ๆ ก็ต่างเครียดกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเราควรรู้วิธีนอกจากการป้องกันโควิดแพร่ระบาดสู่ผู้สูงอายุด้วย คือแนวทางการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และสุขภาพจิตดี ไม่ให้เกิดอาการเครียดมากจนเกินไป เมื่อผู้สูงอายุต้องเก็บตัวอยู่บ้าน โดยเราขอเสนอหลักง่าย ๆ อย่าง “5อ.” ที่เป็นแนวคิดของกรมการแพทย์, กรมอนามัย และกรมสุขภาพจิต โดยแบ่งออกได้ ดังนี้

1. อาหาร

เคยได้ยินประโยคที่ว่า ‘อาหารคือยาที่ดีที่สุด’ กันหรือเปล่า เนื่องจากร่างกายของเราในแต่ละวันย่อมต้องใช้พลังงาน แล้วพลังงานที่เราใช้มาจากไหนล่ะ? ก็มาจากอาหารที่เรากินกันทุกวันนี่แหละ เพราะงั้นเราควรเลือกรับประทานอาหารที่สะอาดถูกสุขลักษณะ ปรุงสุก ไม่รับประทานอาหารที่มีรสจัดเกินไป เช่น หวานจัด เค็มจัด เปรี้ยวจัด ฯลฯ และควรรับประทานอาหารที่หลากหลายตามหลักโภชนาการ 5 หมู่ โดยเน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย และทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่้ต้องการอย่างครบถ้วนอีกด้วย แต่สำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องโรคประจำตัว และปัญหาสุขภาพฟันจนส่งผลต่อการรับประทานอาหาร ก็ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์

2. ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายนั้นนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังทำให้จิตใจเบิกบานอีกด้วย ซึ่งถ้าแนะนำสำหรับผู้สูงอายุ จะเน้นการขยับออกกำลังกายง่าย ๆ เช่น การแกว่งแนออกกำลังกาย การเดินอย่างสม่ำเสมอ โดยทำวันละ ครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมง อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ หรือความเหมาะสมของสภาพร่างกาย

3. อารมณ์

‘จิตคือนาย ใจคือบ่าว’ การที่เราเครียดย่อมทำให้สุขภาพแย่ไปด้วย เคยมั้ย เครียดจนกินข้าวไม่ลง นอนไม่หลับ นั้นแหละคืออารมณ์ที่ส่งผลต่อร่างกาย ซึ่งทุกวันนี้มีข่าวมากมาย ทั้งข่าวจริง และข่าวไม่จริง (Fake News) มาให้เสพกัน ซึ่งเราควรใช้วิจารณาในการเชื่อ ไม่เชื่อในข่าวนั้น ๆ และการที่เราเสพข่าวมากเกินไปอาจทำให้เกิดความวิตกกังวลจนส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ 

ดังนั้นเราควรหากิจกรรมที่ชอบ งานอดิเรกที่เราสนใจ และภูมิใจ เช่น การทำอาหาร, ปลูกต้นไม้, อ่านหนังสือ ทำสวน การนวดผ่อนคลาย และการฝึกจิต นั่งสมาธิ หรือทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นในแบบ New Normal เป็นต้น

4. เอนกายพักผ่อน

การพักผ่อน หรือการนอนหลับนั้นสำคัญมากต่อร่างกาย สมอง และจิตใจ สังเกตง่าย ๆ ถ้าวันไหนเรานอนไม่หลับสมองจะไม่แล่น งง ๆ คิดอะไรใช้เวลามากกว่าปกติ เพราะงั้นเราควรนอนให้เพียงพอต่อร่างกาย โดยเฉพาะผู้สูงอายุนั้นควรนอนไม่เกิน 3 ทุ่ม และนอนประมาณ 7-9 ชั่วโมงต่อวัน

5. ออกห่างสังคมนอกบ้าน

การดูแลผู้สูงอายุที่ดีที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด คือ การให้ผู้สูงอายุงดออกจากบ้าน หรือออกจากบ้านให้น้อยลง รวมถึงผู้ดูแลนั้นควรลดการออกจากบ้านเกินความจำเป็น ไม่เข้าพื้นที่แออัด และคลุกคลีทำกิจกรรมที่มีคนเยอะ ๆ และควรรักษาระยะห่างระหว่างผู้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร รวมถึงอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง

ถ้าผู้สูงอายุต้องเดินทางไปโรงพยาบาลบ่อย ๆ ต้องทำอย่างไร?

ผู้สูงอายุบางคนนั้นมีโรคประจำตัวทำให้ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อโรงพยาบาลเต็มความเสี่ยงที่จะทำให้ติดเชื้อโควิด-19 เราต้องทำอย่างไรล่ะ? 

ผศ. พญ.สิรินทร ได้กล่าวไว้ว่า ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างรุนแรง นั้นจะไม่ให้ผู้สูงอายุเดินทางมารับยา หรือมาตามหมอนัด แต่เราจะใช้นโยบายป้องกันการติดเชื้อของโรงพยาบาล โดยการใช้วิธีโทรถามอาการ และสำหรับผู้ป่วยที่ต้องรับยารักษา ทางโรงพยาบาลจะจัดส่งยาให้ถึงบ้าน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อของผู้สูงอายุ

แต่กรณีที่ต้องมารักษาโรคที่โรงพยาบาลด้วยความจำเป็น หรือมีอาการแย่ลง ตรวจผลแล้วเกิดสิ่งปกติ ให้รีบปรึกษาแพทย์ หรือพยาบาลแล้วนัดหมายตรวจในเร็วที่สุด โดยผู้สูงอายุต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และเมื่อถึงบ้านให้รีบอาบน้ำ ทำความสะอาดตัวทันที แยกผ้าที่สวมใส่ไว้ รวมถึงทำความสะอาดของใช้ที่นำกลับมาด้วย

สรุปแล้วเราควรดูแลผู้สูงอายุอย่างไร? 

ผู้สูงอายุนั้นเป็นวัยที่มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิด และเกิดอาการรุนแรงกว่าวัยอื่น ๆ เป็นพิเศษ ซึ่งเราควรดูแลป้องกันอย่างเหมาะสมตามนโยบายป้องกันโรคของรัฐบาล คือ ตรวจสอบอาการตนเอง ลดการใกล้ชิด เพิ่มระยะห่าง Social Distancing ประมาณ 1-2 เมตร งดทำกิจกรรมร่วมกัน และสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อพบปะ ซึ่งนอกจากดูแลแล้วป้องกันเรื่องความเสี่ยงในการติดเชื้อ เราควรดูแลด้านสภาพร่างกายและจิตใจอีกด้วย โดยใช้หลักของ 5อ. นั่นเอง

ทุกวันนี้โควิดนั้นเราสามารถเจอได้ทุกหนแห่ง จะออกไปทำธุระ หรือทำงานข้างนอก กลับบ้านไปก็กลัวเราจะรับเชื้อแล้วไปติดผู้สูงอายุที่บ้าน ถ้าอยากเสริมสร้างความมั่นใจ และความปลอดภัยจากเชื้อโควิด  We Clean VR มีบริการพ่นฆ่าเชื้อ และทำความสะอาดได้ทุกที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทั้ง คอนโด สถานที่พักอาศัย และสำนักงาน ฯลฯ ด้วยน้ำยาอิเล็กโทรไลต์ SteriPlant ที่เป็นนวัตกรรมจากสวิตเซอร์แลนด์ มีคุณภาพ และความปลอดภัยระดับ Food Grade รวมถึงปลอดภัยต่อร่างกาย และสิ่งแวดล้อมด้วย

หากอยากอ่านบทความดี ๆ เกี่ยวข้องกับสถานการณ์โควิดแบบนี้อีก ก็สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ Link

ติดต่อสอบถาม

FB : m.me/wecleanvr

Line@ : @wecleanvr (มี @ข้างหน้าด้วย)

Source: กรมการแพทย์. สสส. Docare