ในช่วงเดือน พฤศจิกายน ปี 2564 ที่ผ่านมา เราพบเห็นกับคำว่า “มาตรฐาน SHA” ตามสื่อต่าง ๆ ผ่านตาบ่อยครั้ง เพราะเป็นช่วงที่ประเทศไทยมีมาตรการคลายล็อกดาวน์ เปิดประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสดีสำหรับสายท่องเที่ยว และผู้ประกอบการตามร้านต่าง ๆ แต่การเปิดประเทศในครั้งนี้มีความพิเศษยิ่งขึ้น เพราะต้องยกระดับการบริการ พร้อมกับ “มาตรฐาน SHA” เพื่อให้ปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 มากที่สุด ที่ทุกร้านอาหาร โรงแรมที่พัก รวมถึงสถานประกอบการในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอาจจะคุ้นตากันบ้าง และผู้ประกอบการหลายคน ก็อาจจะมีหรือดำเนินการขอสัญลักษณ์นี้แล้ว
เพราะมาตรฐาน SHA นี้ จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการ และนอกจากนี้ยังสามารถเปิดให้บริการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถึงเวลา 21.00 น. ได้อีกด้วย มาทำความเข้าใจพร้อมกันว่า มาตรฐาน SHA นั้นคืออะไร ? ทำไมสถานประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจึงจำเป็นต้องมี
มาตรฐาน SHA คืออะไร ?
“SHA” ย่อมาจาก “Amazing Thailand Safety & Health Administration” หรือ “โครงการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย” เป็นโครงการที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยหน่วยงานจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อสร้างมาตรฐานความมั่นใจในการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้มั่นใจถึงความปลอดภัยด้านสุขอนามัยจากสินค้าและบริการ
หากสถานประกอบการใดได้รับมาตรฐานตราสัญลักษณ์ SHA ก็ถือได้ว่าผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ตระหนักถึงความปลอดภัยในด้านสุขอนามัยของผู้ใช้บริการ พร้อมได้ดำเนินการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทั้งด้านสินค้าและบริการ รวมทั้งด้านสุขอนามัย เพื่อให้ผู้ใช้บริการปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด -19 ในช่วงที่สถานการณ์ยังไม่มีการคลี่คลายลง โดยยึดมาตรฐานดังกล่าว ภายใต้มาตรการของกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก
สถานประกอบการใดบ้างที่สามารถขอรับสัญลักษณ์ SHA
- ภัตตาคาร/ร้านอาหาร
- โรงแรม/ที่พัก และสถานที่จัดประชุม
- นันทนาการและสถานที่ท่องเที่ยว
- ยานพาหนะ
- บริษัทนำเที่ยว
- สุขภาพและความงาม
- ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า
- กีฬาเพื่อการท่องเที่ยว
- โรงละคร โรงมหรสพและการจัดกิจกรรม
- ร้านค้าของที่ระลึกและร้านค้าอื่น ๆ
สถานประกอบการที่ผ่านมาตรฐาน SHA จะต้องทำอะไรบ้าง ?
-จัดให้มีการเข้า-ออกทางเดียวสำหรับผู้รับบริการ และในกรณีที่มีทางเข้า – ออกหลายทางต้องมีจุดคัดกรองอุณหภูมิทุกเส้นทาง
-จัดให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิของพนักงานและผู้รับบริการทุกครั้ง พร้อมทำสัญลักษณ์ให้กับผู้ที่ผ่านการคัดกรอง (หากมีอุณหภูมิสูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียส ห้ามปฏิบัติงานหรือใช้บริการและแนะนำให้พบแพทย์)
-บันทึกประวัติพนักงานและประวัติการเดินทาง
-อนุญาตให้เฉพาะผู้รับบริการที่สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเข้าใช้บริการเท่านั้น
-จัดให้มีที่ล้างมือด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดมือไว้บริการ
-จำกัดจำนวนคนเข้าร้าน จัดพื้นที่รอคิวแยกห่างจากที่นั่งรับประทาน อย่างน้อย 1 เมตร
-เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาด โดยเฉพาะจุดสัมผัสร่วมอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง เช่น ที่จับประตู ห้องน้ำ เป็นต้น
-จัดให้มีการระบายอากาศที่เพียงพอติดตั้งและดูแลระบบการหมุนเวียนและการระบายอากาศภายในร้านเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมเชื้อ
-มีการกำจัดขยะ ของเสีย กระดาษชำระ และหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วอย่างเหมาะสม
-ควรมีบริการชำระเงินที่ปลอดภัยเพื่อลดปริมาณการพูดคุย สัมผัส ระหว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการ
-สื่อสารให้ความรู้ข้อแนะนำช่องทางต่าง ๆ ในการลดความเสี่ยงและป้องกันโรคติดต่อโควิด-19 เช่น จัดให้มีป้ายแสดงคำเตือน แนวปฏิบัติสำหรับผู้ใช้บริการ
นอกจากนี้ ยังมีข้อกำหนดมาตรฐาน SHA แยกย่อย สำหรับกิจการประเภทอื่น ๆ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.thailandsha.com/checklist_example
ขั้นตอนลงทะเบียน “SHA”
- เมื่อเข้าสู่เว็บไซต์แล้ว ให้ทำการสมัครสมาชิก
- สถานประกอบการ ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์
- เลือกประเภทกิจการ
- กรอกข้อมูลให้ครบถ้วนทั้ง 3 ส่วน
- ผู้ลงทะเบียนสามารถตรวจสอบ สถานะการลงทะเบียนได้ที่เมนู ตรวจสอบสถานะ
- สมาคมในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ดำเนินการตรวจสอบ Checklist และรับรองว่าได้ดำเนินการตามมาตรฐาน SHA
สำหรับร้านอาหารที่ต้องการขายแอลกอฮอล์ต้องทำอย่างไร ?
สำหรับผู้ให้บริการร้านอาหารที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครอนุญาตให้บริการดื่มกินในร้านได้ จนถึงเวลา 21.00 น. แต่จะต้องได้รับการรับรอง ตรวจประเมินความพร้อมมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย หรือ SHA ก่อนจึงจะสามารถให้บริการได้ ทั้งนี้ ร้านที่ยังไม่ได้ SHA สามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ แต่ไม่สามารถให้ดื่มในร้านได้
โดยการพิจารณาเกณฑ์มาตรฐาน SHA ดำเนินการโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งกรุงเทพมหานครประสานขอความร่วมมือให้ ททท. เร่งพิจารณาแล้วแจ้งผลการประเมินแก่ผู้ประกอบการภายใน 1 วัน เพื่อให้ทันความต้องการของผู้ประกอบการ และส่งเสริมนโยบายการเปิดเมืองให้ได้มากที่สุด
ไขข้อข้องใจ ‘SHA’ vs ‘SHA Plus’ vs ‘SHA Extra Plus’ ต่างกันยังไง ?
“SHA” กับ “SHA Plus” มีความแตกต่างกันในเรื่องระดับมาตรฐานในการควบคุมโรค
โดย “SHA” เป็นเครื่องหมายที่กิจการที่ทำตามเงื่อนไขด้านสุขภาพตามที่กำหนด เช่น มีจุดตรวจอุณหภูมิที่ทางเข้าออก เว้นระยะห่างของผู้เข้าใช้บริการ ให้บริการเฉพาะผู้ที่สวมหน้ากากอนามัยเท่านั้น เป็นต้น
ส่วน “SHA Plus” จะยกระดับความเข้มข้นจาก “SHA” โดยผู้ให้บริการจะต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 มากกว่า 70% ของพนักงานในร้าน ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจสำหรับผู้ใช้บริการอีกขั้น และลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคในอีกระดับหนึ่ง
และ “SHA Extra Plus” เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศที่ตอนนี้จำเป็นต้องจองแพ็กเกจ Test & Go หรือ Sandbox กับโรงแรม SHA Extra Plus ซึ่งโรงแรม SHA Extra Plus (SHA++) จะเป็นโรงแรมที่ไม่เพียงแค่ตรงตามมาตรฐาน SHA Plus แต่ยังเป็นโรงแรมที่มีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการที่ผ่านการรับรองสำหรับการตรวจโควิด-19 อีกด้วย
สรุปให้ชัด มาตรฐาน SHA สำคัญอย่างไร ?
จุดมุ่งหมายของมาตรฐาน SHA คือ เพื่อกระตุ้นให้สถานที่ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนั้น เพิ่มความรัดกุมกับสินค้าและบริการ โดยคำนึงถึงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 19 ให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นไปอย่างปลอดภัยและถูกต้องตามหลักสุขอนามัย โดยเครื่องหมาย SHA นั้น เป็นตราที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค
เพราะในตอนนี้ที่ประเทศไทยเราได้เปิดประเทศอีกครั้ง พร้อมคลายล็อกดาวน์ในหลายพื้นที่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ซบเซามาเป็นเวลานาน การเปิดประเทศในครั้งนี้จึงเป็นเสมือนของความหวังของประเทศไทย แต่การระบาดของสถานการณ์โควิด -19 นั้น ก็ยังคงมีมาตลอดอย่างต่อเนื่อง มียอดผู้ติดเชื้อในทุก ๆ วัน
ดังนั้น การที่จะทำให้ทุกคนปลอดภัย และยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ก็จำเป็นต้องมีมาตรฐานข้อกำหนด เพื่อมาเป็นหลักยึดให้ทุกสถานประกอบการสามารถเปิดเป็นแบบแผนเดียวกันได้ทั้งหมด จึงมีมาตรฐาน SHA เกิดขึ้น พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้สามารถเดินทางท่องเที่ยว สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติ ภายใต้มาตรการความปลอดภัยของกระทรวงสาธารณสุขที่สถานประกอบการแต่ละที่ได้ปฏิบัติตาม
เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการที่เข้ามาในสถานประกอบการ เราก็ต้องเคร่งครัดในเรื่องความสะอาดและการป้องกันเชื้อโรคอย่างดีที่สุด We Clean VR เราพร้อมให้บริการฉีดพ่นฆ่าเชื้อโรคและทำความสะอาดแบบ Big Cleaning ด้วยน้ำยาอิเล็กโทรไลต์ SteriPlant นวัตกรรมจากสวิตเซอร์แลนด์ที่ช่วยกำจัดเชื้อโรค ไวรัส และแบคทีเรีย โดยคุณภาพระดับ Food Grade ที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และด้วยอุปกรณ์การทำความสะอาดที่ครบวงจร
หากต้องการอ่านบทความดี ๆ เกี่ยวข้องกับสถานการณ์โควิด สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ Link
ติดต่อสอบถาม
Line@ : @wecleanvr (มี @ข้างหน้าด้วย)Source: prachachat,komchadluek,chillpainai,thailandsha